ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะช่วยป้องกันรังสิ UV ต่างๆ ที่เรามองเห็นและมองไม่เห็น ช่วยลดการเกิดอันตรายต่อผิวหนังและโรคได้ แถมยังช่วยลดความร้อนภายในรถได้อีก
ซึ่งฟิล์มกรองแสงรถยนต์ในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายประเภทมาก แต่วันนี้เราจะมาพูดถึง ความเข้ม ของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ว่าต้องใช้ความเข้มกี่เปอร์เซ็นต์ จึงจะเหมาะสมที่สุด
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ เป็นวัสดุโปร่งที่มีคุณสมบัติลดความร้อน ลดรังสียูวีหรืออัลตร้าไวโอเลต รังสีอินฟราเรดต่างๆ เราสามารถเลือกระดับความเข้มของฟิล์มได้ หลายคนอาจจะคิดว่า
ยิ่งความเข้มเยอะเท่าไหร่ ยิ่งลดความร้อนได้ดี แต่อย่าลืมว่าบางครั้ง ความเข้มนี้ก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ เช่นกัน
ส่วนเปอร์เซ็นต์ที่ใช้เรียกกันนั้น หมายถึง ค่าที่แสงสามารถส่องผ่านฟิล์มกรองแสงเข้ามาได้ต่าตัวเลขยิ่งมาก แสงก็ผ่านได้น้อย ฟิล์มก็จะยิ่งมืด มีทั้ง 40, 60, 80
ซึ่งเป็นภาษาทั่วไปที่เราเรียกตามระดับความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ฟิล์มแต่ละยี่ห้อจะมีค่ากำหนดที่แตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัท
แต่ถ้าให้จำแนกจริงๆ ค่าความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ต้องดูที่ค่า VTL หรือค่าแสงสว่างส่องผ่านด้วย เพราะยิ่งมีค่า VLT น้อย ฟิล์มยิ่งเข้มมาก แต่ถ้าอธิบายง่ายๆ จะมีทั้งหมด 3 ระดับ ดังนี้
ฟิล์ม 40% หมายถึง ฟิล์มชนิดนี้มีความทึบ 40% มีค่าของแสงส่องผ่านได้ประมาณ 35-40%
เช่น ตัวเลขที่ระบุบนเนื้อฟิล์ม APL35N, APL45NX, POP35N, L80BL เป็นต้น ใครที่ชอบฟิล์มใสๆ แนะนำความทึบประมาณนี้เลย แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าถ้าขับรถช่วงบ่ายจะร้อนมาก คนไม่ค่อยนิยมติดรอบคัน จะติดแค่บานหน้าบานเดียวเพื่อให้มองเห็นชัด
ฟิล์ม 60% คือ ฟิล์มชนิดนี้มีความทึบ 60% ฟิล์มเข้มที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ประมาณ 15-20% เช่น ARL20C, ANL20N, L20N, POP20N เป็นต้น
คนนิยม ติดฟิล์มรถยนต์ ที่ระดับความเข้ม 60% กันเยอะมาก เพราะกำลังทึบพอดีๆ มองเห็นได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่มืดเกินไป
ฟิล์ม 80% เป็นฟิล์มที่มีความเข้มที่สุด มีค่าแสงส่องผ่านได้เพียง 5% เช่น ARL05C, ANL05N, POP05C เป็นต้น ฟิล์มระดับนี้กันร้อนได้ก็จริง แต่ไม่แนะนำให้ติดบานหน้า เพราะหากขับตอนกลางคืน อาจจะเกิดอุบัติเหตุ มองไม่เห็นทางได้
การเลือกระดับเปอร์เซ็นต์ความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ไม่มีสูตรตายตัว เพราะเรายังสามารถเลือกจากกรณีต่างๆได้อีก เช่น
- หากต้องการความส่วนตัวมาก อาจจะติดบานหน้า 60% รอบคัน 80%
- ถ้าขับกลางวันเป็นหลัก บานหน้า 60% รอบคัน 80% หรือ 60% รอบคันก็ได้ แต่กรณีที่ขับกลางคืนบ่อย แนะนำให้ติดบานหน้า 40% รอบ 60% จะได้ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้
- หากสายตาของเราไม่ดีพอ และไฟหน้ารถของคันหน้าที่สวนมา แนะนำให้ติดบานหน้า 60% รอบคัน 80% แต่ถ้าคนไหนใส่แว่น อาจจะติดบานหน้า 40% รอบคัน 60% ก็ได้น้า
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ต้องเข้มถึงไหนจึงจะดีที่สุด
หากพูดถึงเรื่องความเข้มของฟิล์ม เราต้องย้อนกลับไปดูเรื่องเกรดของฟิล์ม เพราะมีหลายราคา หลายคุณสมบัติมาก บางยี่ห้อก็ราคาสูง เช่น ฟิล์มเซรามิค เป็นต้น
แต่สามารถป้องกันรังสี UV และกันความร้อนได้ดีเยี่ยม แต่ถ้าราคาถูกลงมาก็อาจจะไม่ได้กันความร้อนได้เท่าที่ควร ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนไทยจะนิยมใช้กระจกบานหน้าและหลังอยู่ที่ 40%
ส่วนกระจกประตูจะเข้มว่าอยู่ที่ 60% เพราะเป็นความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ในระดับที่พอดีสำหรับทัศนวิสัยในการขับขี่ทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่เข้มเกินไปและไม่ใสจนเกินไป สำหรับใครที่เพิ่งถอยรถมาใหม่ แล้วยังไม่แน่ใจ ลองเอาเปอร์เซ็นต์นี้ไปใช้ดูได้