10 เทคนิค เลือกติดฟิล์มกรองแสง อย่างไร ให้เหมาะสมกับรถคุณ

แสงแดด เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ตลอดเวลา แม้กระทั่งอยู่ในรถเราก็ยังต้องเจอ และหากได้รับแสงแดดมากๆ อาจจะส่งผลไม่ดีนัก

เพราะก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ผิวหนัง และสายตาได้ ยิ่งแดดแรงๆ ในบ้านเรานั้นยิ่งต้องป้องกัน สำหรับในการขับรถ เรามีวิธีป้องกันแสงแดดอยู่มากมาย แต่การป้องกันแบบเบสิคสุดๆ

และทุกคนที่ออกรถใหม่ควรมี นั่นคือ ฟิล์มกรองแสงนั่นเอง ซึ่งการจะ ติดฟิล์มรถยนต์ หรือติดฟิล์มกรองแสง เราควรมีเทคนิคการเลือก ว่าจะติดแบบไหนดี และแบบไหนเหมาะกับรถเรา

ใครที่เป็นมือใหม่หัดขับหรือยังไม่มีข้อมูลเรื่องฟิล์มกรองแสง วันนี้เรามี 10 เทคนิค เลือกติดฟิล์มกรองแสง อย่างไร ให้เหมาะสมกับรถคุณมาฝากกัน

เทคนิคเลือกฟิล์มกรองแสง

อย่างแรกเรามาทำความรู้จัก ฟิล์มกรองแสง กันก่อนเลย ฟิล์มกรองแสง ถ้าเข้าใจแบบภาษาชาวบ้านก็คือป้องกันแสงแดด

ช่วยลดความร้อนในรถได้ ซึ่งฟิล์มกรองแสงนั้นจะทำจากพลาสติกโพลีเอสเตอร์ที่มีความเหนียว บาง เรียบ สามารถแนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกับกระจกจนเราไม่ทันสังเกต

โดยจะยึดกระจกด้วยกาว ที่มีความใส ทำให้เรามองเห็นเส้นทางผ่านฟิล์มได้อย่างคมชัด ซึ่งฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่กันความร้อน

จะต่างจากฟิล์มลดแสงสว่างทั่วไป เพราะฟิล์มกรองแสงทั่วไปจะย้อมสีเพื่อกรองแสงสว่างเท่านั้น แต่ถ้าฟิล์มกรองแสงกันความร้อนจะต้องลดรังสีอัลตราไวโอเลตได้ด้วย

ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องรู้ข้อมูลของฟิล์มกรองแสงก่อนว่า มีกี่ประเภท และควรเลือกฟิล์มกรองแสงแบบไหนให้เหมาะกับสิ่งที่เราต้องการ

 

1.เลือกจากประเภทของฟิล์มกรองแสง อย่างที่เกริ่นไปตอนแรกว่าฟิล์มกรองแสงนั้นไม่ได้มีแค่กันความร้อนเท่านั้น ยังมีอีกหลายประเภทให้เราได้เลือกใช้กัน แล้วจะมีแบบไหนบ้าง มาดูกัน

- ประเภทแบบไม่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสีที่มาจากแสงแดด เป็นประเภทที่คนไม่ค่อยนิยมใช้งานกันมากนัก 

เพราะฟิล์มชนิดนี้จะมีคุณสมบัติเฉพาะในการกรองแสงจากดวงอาทิตย์ให้อ่อนลงเท่านั้น ซึ่งจะลดความเข้มของแสงได้เพียงอย่างเดียว 

ไม่สามารถกรองหรือลดความเข้มของรีงสีต่างๆ ที่มาจากแสงแดดได้ และกันความร้อนได้ไม่เกิน 50%  อายุการใช้งานประมาณ 3 - ปี

- แบบที่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสีที่มาจากแสงแดด ตัวเนื้อฟิล์มจะเพิ่มวัสดุพิเศษเข้าไปเพื่อเป็นตัวป้องกันรังสีต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อผู้โดยสารในรถ รวมไปถึงอุปกรณ์ที่ถูกแสงแดด ซึ่งแบ่งเป็นประเภทย่อยๆอีก 4 กลุ่มด้วยกัน

- ฟิล์มปรอท ฟิล์มเซรามิค ฟิล์มเคลือบโลหะ และฟิล์มลดความร้อน คุณภาพการลดความร้อน 35 – 90 % เนื้อฟิล์มจะเป็นสีสะท้อนคล้ายกระจกเงา ค่อนข้างอันตรายสำหรับรถที่ขับตามหลังในเวลากลางวัน 

เพราะจะมองลอดผ่านกระจกไม่ได้เลย แต่เมื่อเอามือป้องที่กระจกจะทำให้เห็นด้านในได้ หรือหากเปิดไฟในรถเวลากลางคืน สามารถเห็นจากภายนอกได้

- ฟิล์มอินฟาเรด จะเคลือบสารพิเศษในการไปตัดรังสีอินฟาเรด ซึ่งเป็นฟิล์มที่กันความร้อนได้ค่อนข้างดีมาก และมีราคาสูง

- ฟิล์มนิรภัย มีทั้งชนิดลดความร้อนและไม่ลดความร้อน มีความหนาตั้งแต่ 4 มิลขึ้นไป คุณสมบัติจะช่วยยึดเกาะแผ่นกระจกให้คงรูปเดิมมากที่สุดเมื่อกระจกถูกกระแทกอย่างหนัก และแตกเป็นเม็ดละเอียด 

เนื้อฟิล์มก็ยังช่วยซับแรงได้อีกชั้น ส่วนมากคนนิยมใช้ตามงานอาคารเพื่อยึดกระจกไว้เวลากระจกแตก แต่ปัจจุบันก็หันมาใช้กับรถยนต์เพิ่มมากขึ้น

- ฟิล์มใสนาโน ฟิล์มประเภทนี้ แสงสามารถส่องผ่านได้มากกว่า 60% ไม่มีเงา ลดความร้อนได้สูง เพราะเป็นฟิล์มที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่

ใช้อนุภาคนาโน เช่น อนุภาคเซรามิค ฝังเข้าไปในเนื้อฟิล์มแทนการฉาบด้วยโลหะ จึงทำให้ฟิล์มประเภทนี้ป้องกันรังสีอินฟาเรดหรือรังสีความร้อนได้โดยเฉพาะ 

และมีความทนทานมากกว่าฟิล์มกรองแสงทั่วไป อายุการใช้งานเกิน 10 ปี และราคาสูงกว่าฟิล์มรถยนต์ทั่วไป คุณภาพดีมาก ไม่เสื่อมสภาพ

 

2.เลือกฟิล์มติดรถยนต์จากราคา ฟิล์มกรองแสงจะมีทั้งถูกและแพง แตกต่างกันไป ซึ่งฟิล์มกรองแสงติดรถทั่วไปจะมีราคาถูกกว่า

สามารถป้องกันแสงสว่างได้เพียงบางส่วนหรือรังสีจากดวงอาทิตย์ เช่น รังสี UV ได้มากถึง 99% แต่ก็ใช่ว่าจะป้องกันความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้โดยตรง แต่ถ้าเป็นฟิล์มเกรดพรีเมี่ยม ราคาสูง แน่นอนว่าคุณภาพย่อมดีกว่า 

ป้องกันความร้อน ป้องกันรังสีอัลฟาเรดได้มากกว่าฟิล์มทั่วไป ราคาก็อาจจะอยู่ที่หลักหมื่น แต่สำหรับใครที่ต้องการความคุ้มค่า ป้องกันการแตกกระจายแบบนิรภัย แนะนำให้ติดฟิล์มที่คุณภาพสูงจะดีที่สุด

3.เลือกจากแบรนด์ดัง คนนิยมใช้ ถ้าหากไม่รู้ข้อมูล แนะนำให้ศึกษาจากการจัดอันดับของ 10 ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบรนด์ดัง ที่คนนิยมใช้ก็ได้ เผื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและเชื่อถือได้

4.ได้มาตรฐานการผลิต มีความน่าเชื่อถือ หรือสอบถามจากคนใกล้ชิดที่เคยใช้มาก่อน เผื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติม

5.คุณสมบัติต่างๆของ ฟิล์มติดรถยนต์ สามารถบอกได้ว่าลดความร้อน ลดรังสี UV ได้กี่เปอร์เซ็นต์ และสามารถสะท้อนแสงได้กี่เปอร์เซ็นต์ แสงส่องผ่านได้กี่เปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของฟิล์มกรองแสงที่ดีควรมี

6.เลือกจากเทคโนโลยีในการผลิต เพราะเดี๋ยวนี้ฟิล์มกรองแสงมีการพัฒนาและนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยให้ฟิล์มมีคุณสมบัติที่มากขึ้นและดีขึ้น ซึ่งจะมี 2 ตัวหลักๆ

- การผลิตฟิล์มกรองแสงด้วยเทคโนโลยี Nano IR เป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ สามารถป้องกันความร้อนในระดับนาโน หากฟิล์มกรองแสงมีความเข้มเท่ากัน จะสามารถป้องกันความร้อนได้ดีกว่า และสูงถึง 99% และสามารถป้องกันความร้อนได้แบบยาวนาน รับประกันเกิน 10 ปี ซึ่งปัจจุบันคนนิยมใช้กันเยอะมาก

- การผลิตฟิล์มด้วยเทคโนโลยี Multi Layers Sputtering Film เป็นเทคโนโลยีแบบดั้งเดิม ใช้วิธีการซ้อนทับแผ่นสารป้องกันความร้อนให้เป็นชั้นๆ และป้องกันความร้อนได้จากฟิล์มที่ซ้อนกัน ซึ่งการผลิตแบบนี้อาจจะมีส่วนผสมของโลหะบางชนิด ทำให้รบกวนสัญญาณดิจิตอลได้

7.การรับประกัน เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาคู่กับการตัดสินใจ ซึ่งการติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์โดยทั่วไปจะมีการรับประกันคุณภาพไม่ต่ำกว่า 5 ปี , 7 ปี และ 10 ปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของการรับประกัน

8.การติดตั้งฟิล์ม ควรหาร้านที่รับติดตั้งโดยช่างที่ชำนาญการ เพราะจะทำให้เราได้ฟิล์มที่คุณภาพดีและงานที่เรียบร้อย

9.ระดับความเข้ม ความทึบของฟิล์ม เพราะเปอร์เซ็นต์ของฟิล์มจะทำหน้าที่กรองแสงผ่านเข้ามาในรถ โดยจะมีทั้งหมด 3 ระดับ

- ฟิล์ม 40% มีค่าของแสงส่องประมาณ 35%

- ฟิล์ม 60% มีค่าของแสงส่องผ่านได้ประมาณ 20%

- ฟิล์ม 80% ฟิล์มเข้มที่สุดที่มีค่าของแสงส่องผ่านประมาณ 5%

10.การกรองรังสีของแสงแดด และความร้อน ฟิล์มกรองแสงที่ดี ต้องไม่ใช่กรองในเรื่องของรังสียูวีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องช่วยในการ ป้องกันความร้อนจากภายในรถอีกด้วย 

เพราะสภาพอากาศในบ้านเราอย่างที่รู้กันคือค่อนข้างร้อนจัด การที่ฟิล์มกรองสีสามารถกรองรังสีและความร้อนได้ จะช่วยให้เราขับรถได้สบายขึ้น

 

การเลือกฟิล์มมกรองแสงติดรถยนต์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เจ้าของรถไม่ควรมองข้ามเพราะนอกจากจะป้องกันความร้อน 

รังสีต่างๆ ยังช่วยรักษาอุปกรณ์ภายในรถและเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ได้อย่างดี แถมยังเป็นตัวช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเราอีกด้วย สำหรับใครที่ยังมองหาฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์อยู่ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

moditecfilm.com ได้เลยน้า มีฟิล์มกรองแสงให้เลือกหลายประเภทและมีบริการติดตั้งด้วยค่ะ

 
 
 
 
 
 
อย่าตกเป็นเหยื่อโฆษณาเกินจริง เราท้าพิสูจน์ความแตกต่าง
บริการวัดพื้นที่ ประเมินราคาและทดสอบฟิล์มฟรี

เฟสบุ๊ค

 
 

ส่งข้อความถึงเรา

ชื่อผู้ส่ง
อีเมลล์
หัวข้อเรื่อง
ข้อความ

ติดต่อเรา

ติดต่อ